เมนู

คือสัตว์ทั้งหลายตายจากภพนั้นแล้วมาเกิดสนภพนี้ ตายจากภพนี้ไปเกิดในภพอื่น ขอถวายพระ
พร อย่างนี้แหละเรียกว่าสงสาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า อาราธนานิมต์พระผู้เป็น
เจ้ากระทำอุปมาไปให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรอุปมาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร สงสารนี้
เปรียบปานดุจบุรุษผู้หนึ่งบริโภคซึ่งมะม่วงแล้ว จึงเอาเมล็ดในมะม่วงปลูกลง เมล็ดในมะม่วง
นั้นก็งอกออกไปเป็นต้นเป็นลำจำเริญขึ้น ๆ ก็ออกใบช่อต่อผล ฝูงคนทั้งหลายได้กินเข้าไป
จึงเอาเมล็ดผลมะม่วงเพาะฝังปลูกต่อลงไว้อีก ผลมะม่วงนั้นก็แตกออกไปน้อยใหญ่เป็นต้น เป็น
ลำจำเริญกิ่งก้านสาขา ครั้นถึงหน้าฤดูก็ออกช่อชูสลอนทุกพวกผลดกเป็นก้อน บ้างก็ดิบห่าม
เหลืองเนืองนองอยู่กับต้น ฝูงคนได้กินเข้าไปก็เอาเมล็ดในฝังเพาะปลูกลงไว้ กระทำต่อไปดังนี้
จะได้รู้จักที่ว่าต้นมะม่วงเดิมนั้นอยู่แห่งหนตำบลใดประเทศถิ่นฐานแห่งไรนั้นหามิได้ ยถา มีครุ
วนาฉันใด สัตว์โลกเกิดมาในภพอันนี้ตายจากภพนี้ไปเกิดภพโน้น มาเกิดภพนั้น แต่เฝ้า
เวียนวนอยู่ดังนี้ก็มิได้รู้ที่สุดว่าแรกเกิดมาเดิมเกิดที่ไหนที่ภพอันใด ก็มิอาจสามารถที่จะกำหนด
ได้เหมือนอัมพผลต้นมะม่วงเดิมนั้นอย่างนี้แหละเรียกว่สงสารจงทราบพระญาณด้วยประการฉะนี้
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็นเจ้า
กล่าวนี้สมควร
สังสารปัญหา คำรบ 9 จบเท่านี้

จิรกตสรณปัญหา ที่ 10


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ บุคคลที่ระลึกล่วงไปข้างหน้าในอดีตกาลอันนานช้านี้ ระลึกได้
ด้วยอะไร
พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร บุคคลที่จะระลึกซึ่ง
อดีตกาลล่วงไปช้านานนั้นก็ระลึกได้ด้วยสติ ของถวายพระพร